กลุ่มพระปรกโพธิ์เก้าใบ ลพ.กวย ประกอบด้วย
1.1 พระแท้..ที่กดสร้างมาแต่ยุคต้น โดยองค์หลวงพ่อกวยสร้างเอง ใช้แม่พิมพ์แท้ของวัด เฉพาะพิมพ์ปรกโพธิ์เก้าใบแบบมาตรฐานก็มีสร้างขึ้นในช่วงปี10 – 19 ยังไม่นับพระปรกโพธิ์พิมพ์โบราณที่สร้างยุคต้นๆอีกหลายพิมพ์ ท่านมีสูตรการผสมเนื้อเฉพาะตัวแม้จะมีหลายวรรณะ ซึ่งมวลสารจะเข้มข้นมากเป็นพิเศษ มีผงเกล็ดทอง เศษตะไบทอง เม็ดแร่ต่างๆและเศษพลอยมากมาย เป็นพระที่มีผิวมันแกร่ง เนื้อแห้งเก่าและมีร่องรอยการกัดกร่อนตามกาลเวลา ผิวหดตัวตามอายุครึ่งร้อยปี มีคราบไขผุดจากด้านในองค์พระออกมาฉาบตามผิวเนื้อด้านนอก ตามขอบและบนพื้นผิวพระมักมีร่องรอยการหลุดร่อนของมวลสาร มีรอยปริแยกแตกอ้าให้เห็นบ้างทุกองค์ เพราะความแน่นตัวของเนื้อจะไม่เสมอกันทั่วทั้งองค์เหมือนพระผงที่ใช้เครื่องกดกระแทก จึงมักจะพบจุดยุบหรือแยกได้ในบางแห่ง เส้นซุ้มครอบแก้วส่วนที่แตะกับพื้นองค์พระ จะหดม้วนตัวเข้าด้านในเหมือนเส้นขนมจีน ทั้งปวงนี้เป็นธรรมชาติพระเนื้อผงที่แห้งหดกัดกร่อนตามกาลเวลาที่ถูกต้อง
1.2 พระเสริม..ที่กดสร้างหลังจาก ลพ.กวย มรณภาพแล้ว โดยใช้แม่พิมพ์แท้ของวัดชิ้นเดิม โดยมีเจตนาเพื่อมอบให้คนทำบุญในยุคต่อมาช่วงหลังจาก ลพ.กวยมรณภาพแล้ว ซึ่งเนื้อพระชุดนี้จะแห้งพอควรเมื่อถึงทุกวันนี้ พิมพ์ถูกต้องเหมือนเก่าแต่ไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกอย่าง เพราะหลายจุดถูกตกแต่งตะไบขัดถูจนตำหนิในแม่พิมพ์ขาดหายไปหลายจุด มวลสารในเนื้อพระเช่นเศษพลอยและแร่ต่างๆก็พอมีแต่มีน้อยมาก เนื้อพระยังเปียกชื้น ผิวไม่เก่าแห้งและเนื้อไม่แกร่ง มีไขฝ้าจากเนื้อขึ้นคลุมผิวบ้างแต่ไม่มากนักแค่เพียงบางจุด ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำมันที่ใช้ผสมเนื้อ เพราะสูตรการผสมเนื้อผงต่างกันกับต้นทางของเดิม และเวลาการปรับตัวของเนื้อพระยังไม่ได้ที่ดีพอ บางองค์ก็มีการประทับตราว่าสร้างย้อนยุค บางองค์ก็ไม่มีประทับบอกไว้ พอถึงช่วงหลวงพ่อกวยเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่นิยม ก็มีคนนำพระชุดนี้มาตกแต่งผว ลบตัวหนังสือออก ทำให้เก่าแล้วขายเป็นพระปรกโพธิ์นิยมของท่านเสียเลย คนดูไม่ขาดก็โดนกันคนละองค์สององค์ จนเข็ดขยาดและพาลเหมาไปเลยว่า พระแบบนี้เป็นพระปลอม โดยขาดการพิจารณาให้ถี่ถ้วน ทั้งที่ตัวเขาเองนั่นแหละที่ขาดความชำนาญและขาดวิจารณญาณที่ดีพอ จึงอย่าแปลกใจว่าทำไมเจอพิมพ์ใช่ แต่เนื้อไม่ใช่ มีธรรมชาติขาดๆเกินๆกันเยอะ และพระเหล่านี้พบเจอมากในตลาดพระทุกวันนี้
1.3 พระปลอม..ที่สร้างโดยบุคคลบางกลุ่มที่ไม่เกี่ยวกับวัดบ้านแค ทำกันในช่วงตั้งแต่ปี30 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีหลากหลายเนื้อหาที่ผสมไม่ลงตัว มีทั้งการใช้พระแท้มาถอดพิมพ์ด้วยเรซิ่น ทำให้ได้พระผงที่ตื้น ขาดความคมชัดของรายละเอียดต่างๆ มีทั้งใช้แม่พิมพ์ที่แกะเลียนแบบขึ้นมาใหม่ซึ่งจะคมชัดแต่ผิดเพี้ยนเรื่องสัดส่วนของพระ เรื่องเนื้อหายังกระด้าง ผิวยังใหม่มากจนมองด้วยตาเปล่าก็พอแยกได้ว่าอายุไม่ถึง ตามผิวจะไม่มีการประทุและเม็ดผดที่ผุดจากด้านในเนื้อ ของน้ำมันที่ใช้ผสมเนื้อพระที่จะระเหยผุดออกจากด้านในองค์พระมาสู่ด้านนอก และขาดร่องรอยการหดยุบตัวของมวลสาร แต่มักเจอคราบไขฝ้าฉาบเป็นปื้นๆ แม้ปัจจุบันจะแต่งผิวให้เก่าได้แล้ว แต่ยังขาดน้ำนวลของธรรมชาติตามกาลเวลา ดูผาดๆเหมือนจะเก่าแต่ไม่แห้งแกร่ง เมื่อดูพิศนานๆก็จะพบว่าแห้งแต่ข้างนอก แต่ด้านในยังอมความชื้นเช่นเนื้อสบู่ที่มีความชื้นในเนื้อหา โดยเฉพาะตามขอบข้างยังขาดร่องรอยของพระมีอายุเกือบครึ่งร้อยปี
1.4 พระแต่ง..มีการนำพระปรกโพธิ์แบบชัดเจนมาลงแปรงและเล่นเหงื่อเพื่อให้มีคุณสมบัติตามที่กำหนดขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม คือนำพระที่มีรายละเอียดชัดเจนมาปัดถูด้วยแปรงขนอ่อน ให้รายละเอียดลบเลือนและลงชุบน้ำอุ่น ก่อนจะนำมาแต่งผิวด้วยกระบวนการต่างๆทั้งหมักและทาเคลือบ พระแบบนี้เนื้อหาจะเก่าแบบสกปรก มีคราบจับเป็นหย่อมๆและยังมีกลิ่นอ่อนๆ ขอบด้านข้างจะยังมีพิรุธให้เห็นมากมาย พระเนื้อผงปี13 ซึ่งสร้างพร้อมกันกับพระปรกโพธิ์เนื้อผงน้ำมัน ลพ.กวยยังพอมีให้เทียบเคียงความแห้งเก่าของเนื้อหาอีกหลายเกจิอาจารย์ เช่น ของวัดราชนัดดา กทม. พระผงของ ลพ.แพ วัดพิกุลทอง – พระนาคปรกของท่านเจ้าคุณนรฯ ปี13 โดยจะเห็นได้ว่า..ไม่มีพระเนื้อผงยุคเดียวกันของพระเกจิองค์ใด ที่จะเก่าเกินจริงแบบพระปรกโพธิ์ที่แต่งผิวแบบนี้เลย เพราะพระเครื่องเนื้อผงองค์ใหญ่ๆแบบนี้ หากจะใช้ติดตัวก็ต้องเลี่ยมพลาสติกกันน้ำ แล้วเนื้อพระจะคลุกเหงื่อคลุกดินมาได้อย่างไรกัน ลองพิจารณาดูด้วยหลักความจริง
พระแบบที่มีพิรุธ ผิดธรรมชาติ
2.1 พระที่นำของแท้ไปถอดพิมพ์สร้างออกมาใหม่ มีจุดสังเกตที่องค์พระตื้น เมื่อมองภาพรวมจะดูโปร่งไม่ล่ำสันหนักแน่น กายภาพหลายส่วนจะเรียวผอมหรือสั้นกุดและสัดส่วนผิดไปจากเดิม เช่นช่วงคอองค์พระที่ยืดกว่าเดิม แขนเรียว หน้าเรียว ใบหู(พระกรรณ)และยอดพระเกศผิดไปจากเดิม เส้นสายลายใบและก้านโพธิ์จะแหว่งๆหายๆ ขาดตำหนิหลักๆที่ปรากฏในแม่พิมพ์เกินครึ่ง เมื่อดูด้วยตาจะพบว่าเนื้อพระยังดูเปียกๆเหมือนยังอมความชื้นด้านใน ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
2.2 พระที่มีขอบโพธิ์เขยื้อนเป็นสองขอบเหมือนๆกันหลายองค์ เมื่อดูโดยละเอียดจะพบว่าเป็นรอยเขยื้อนที่เกิดจากแม่พิมพ์ที่มีการเซาะแต่ง หากเป็นการเขยื้อนจากการกดหรือถอดพระออกจากแม่พิมพ์ คงไม่สามารถเขยื้อนเหมือนกันได้เป็นร้อยๆองค์ในน้ำหนักและตำแหน่งเดียวกัน อันผิดจากความน่าจะเป็นโดยธรรมชาติของการสร้าง
2.3 พระที่นำมาถอดพิมพ์ แต่แต่งใบโพธิ์ แต่งกิ่งก้านให้ชัด ซึ่งจะมองดูงานกระด้าง ไม่เป็นธรรมชาติของงานศิลปที่แกะแม่พิมพ์โดยมือช่างที่เส้นสายจะไม่ทื่อๆเป็นเส้นเรขาคณิต แต่จะมีมุมโค้ง มุมเอียงอ่อนไหวตามจิตวิญญาณและน้ำหนักมือคน พระที่กดออกมาจะดูกระด้างทื่อๆผิวด้านๆเลี่ยนๆ งานฝีมือแบบนี้ยังพอพิจารณาง่ายว่าไม่น่าสนใจ
พระแท้พิมพ์ที่เขยื้อนและลวดลายติดไม่ชัด ไม่ครบถ้วนก็มีเช่นกัน เพราะในกรรมวิธีการสร้างต้องมีเศษฝุ่นเศษผงเข้าไปอุดตันได้บ้างในบางครั้ง แต่เค้าโครงเดิมหลักๆต้องมีอยู่ให้เห็น และคงจะไม่อุดตันจนเส้นสายตื้นเขิน เนื้อขาดแหว่งจางหายในตำแหน่งเดียวกันทุกองค์อย่างที่โปรโมทกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา แค่ยกพระออกจากแม่พิมพ์ แล้วเห็นความไม่สมบูรณ์ขององค์พระ ท่านก็คงยุบผงเพื่อทำใหม่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดแม่พิมพ์ทันที เพราะพระของท่านกดทีละองค์อย่างประณีตตั้งใจ ไม่ได้กดมามากๆเพื่อจะขายแต่อย่างใด
***ใคร่ขอฝากผู้รู้จริง คนที่สนใจ และผู้ที่ต้องการผดุงชื่อเสียงเกียรติคุณของหลวงพ่อกวย ช่วยชี้ทางสว่างให้คนรุ่นหลังด้วยว่า ….เราจะใช้อะไรมาชี้ชัดเพื่อแยกพระแท้ ที่หลวงพ่อกวยกดสร้างยุคเก่า กับพระปรกโพธิ์แบบที่มีการสร้างเสริมออกมายุคหลังๆ ถ้าไม่ใช้หลักฐานแบบสากล จากพยานบุคคล พยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานทางวิทยาศาสตร์ตามจริง บางองค์เป็นสมบัติตกทอดจากศิษย์เก่าที่เก็บไว้ให้คนในครอบครัว บางองค์เป็นพระปรกโพธิ์เก้าใบที่รับจากมือหลวงพ่อกวย ทั้งหมดนี้สามารถสืบทวนข้อมูลไปหาความจริงได้ทั้งสิ้น