
ลุงสอน ปั่นหงส์ เป็นคนบ้านบางขุด อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท มีบ้านอยู่ใกล้วัดบ้านแค ภรรยาลุงสอนชื่อป้าแกร ครอบครัวนี้มีลูกทั้งหมด 6 คน ลูกชายคนโตของลุงสอนเกิดเมื่อปี 2495 และลูกชายคนเล็กเกิดปี 2512 อาชีพหลักของลุงสอนและภรรยาคือทำนาเพียงอย่างเดียวและเลี้ยงดูครอบครัวพร้อมลูกทั้ง 6 ชีวิตด้วยอาชีพนี้ตลอดมาจนลูกทุกคนเติบโตเป็นคนดีของหมู่บ้านบางขุด ชีวิตชาวนาชนบทไม่ได้ร่ำรวยหรือสุขสบายเช่นคนในเมือง เพราะต้องดิ้นรนทำงานแต่เช้ามืดจนค่ำ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเพื่อให้ทุกชีวิตในครอบครัวได้กินอิ่มนอนอุ่นเหมือนดังคนอื่นๆเขา แม้ไม่รวยแต่ก็พอได้มีอยู่มีกิน เพราะเมื่อหมดหน้าทำนาแล้ว ลุงสอนยังสู้งานทุกอย่างที่มีคนจ้าง และป้าแกรภรรยาคู่ชีวิตก็ไม่ได้นิ่งเฉย แต่ได้ปลูกผักทำสวนเล็กๆไว้กินในครอบครัว และบ่อยครั้งที่ลุงสอนหอบผักหรือผลไม้มาถวายหลวงพ่อกวยเท่าที่มีอยู่หรือปลูกไว้ในร่องสวนของตัวเอง ซึ่งเป็นที่ถูกใจหลวงพ่ออย่างยิ่งเพราะท่านชอบฉันผักสด
บ่ายแก่ๆของวันหนึ่งในหน้าแล้งหลังจากเสร็จงานบ้านแล้ว ลุงสอนเดินไปวัดบ้านแคตามปกติที่ทำมาบ่อยครั้ง แต่คราวนี้ไม่เจอหลวงพ่อกวยเพราะท่านออกไปธุระข้างนอกกับลูกศิษย์ ด้วยบรรยากาศเงียบสงบและมีลมพัดโชยเบาสบาย จึงไปเอนตัวนอนเล่นและเผลอหลับอยู่ใต้ถุนกุฏิ จะนานสักเท่าใดไม่อาจบอกได้ แต่ลงสอนสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามเย็น แกลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆตัว เห็นหลวงพ่อกวยเดินไปริมสระน้ำเก่าของวัด ในเวลาโพล้เพล้ที่แสงอาทิตย์รำไรใกล้จะมืด ทำให้ลุงสอนมองไม่เห็นชัดว่าหลวงพ่อท่านยืนทำอะไรที่ใต้โคนไม้ใหญ่ริมสระ ท่านยืนอยู่นานชั่วครู่ใหญ่ก็เริ่มขยับตัว ลุงสอนคิดว่าหลวงพ่อคงจะกลับมาที่กุฏิจึงลุกขึ้นยืนรอท่าน แต่สิ่งที่แกเห็นต่อมาคือ หลวงพ่อก้าวเดินข้ามจากริมสระฝั่งที่ยืนอยู่ไปยังฝั่งตรงข้าม โดยท่านก้าวเดินเรี่ยไปบนผิวน้ำจนถึงฝั่งตรงข้ามโดยไม่จมลงไปในสระ
ลุงสอนยืนดูอย่างตื่นตะลึงในสิ่งที่เห็นตรงหน้า และรอจนหลวงพ่อเดินกลับมาที่กุฏิ จึงเข้าไปกราบตามปกติที่เคยทำเสมอ ซึ่งลุงสอนก็มองไม่เห็นรอยเปียกจากสบงหรือจีวรของหลวงพ่อ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามในเรื่องแปลกประหลาดที่เพิ่งเห็นมาและหลวงพ่อก็ไม่พูดถึงแต่อย่างใด เมื่อกราบลาหลวงพ่อกลับบ้าน ลุงสอนได้เดินย้อนกลับไปที่ริมสระอีกครั้งเพื่อดูว่ามีไม้สะพานทอดข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งหรือไม่ แต่มองหาเท่าไรก็ไม่พบว่าจะมีสะพานไม้ทอดผ่านกลางสระแต่อย่างใด ลุงสอนยกมือท่วมหัวในปาฏิหาริย์ที่เพิ่งผ่านสายตาไปไม่นาน เรื่องที่หลวงพ่อกวยเดินข้ามน้ำได้นี้ เป็นที่กล่าวขานกันในชาวบ้านบางขุดยุคนั้นเป็นอย่างยิ่ง หลายคนคงเคยได้ยินมาเช่นกัน มีบันทึกในข้อเขียนของศิษย์เก่าๆไว้บ้างแล้ว เมื่อมีใครไปถามเรื่องนี้กับหลวงพ่อ ท่านได้แต่หัวเราะหึหึและไม่พูดอะไร ทั้งยังห้ามพูดกันอีกเดี๋ยวคนอื่นๆเขาจะหาว่าบ้า
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นแล้ว ลุงสอนยิ่งมีความนับถือศรัทธาในหลวงพ่อกวยมากกว่าเดิม คอยเฝ้าแวะเวียนไปกราบท่านบ่อยครั้ง ฝากตัวรับใช้ในงานทุกอย่างที่วัดมีขึ้นหรือหลวงพ่อจะใช้ไหว้วานด้วยแรงกาย จากเดิมที่นับถือท่านมากอยู่แล้วกลายเป็นความประทับใจและเพิ่มพูนศรัทธาให้มากล้น ลุงสอนปวารณาตัวกับหลวงพ่อกวยว่า หากท่านมีสิ่งใดที่ลุงสอนจะช่วยเหลือได้ขอให้ใช้งานมาได้ทุกอย่าง ซึ่งลุงสอนมีเพียงแรงกายและหัวใจเท่านั้นที่จะถวายท่าน ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะช่วยวัดได้เช่นคนอื่นเขา เพราะมีอาชีพเดียวคือทำนากันสองคนกับภรรยาเพียงลำพัง ซึ่งหลวงพ่อกวยก็ให้ความเมตตาลุงสอนและครอบครัวด้วยดีตลอดมา บางครั้งก็แบ่งปันขนมหรือของขบเคี้ยวที่ได้รับถวายมาให้ลุงสอนนำไปเจือจุนครอบครัวที่มีลูกหลายคนได้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้บ้าง หลายครั้งที่ลุงสอนตีความจากอากับกริยาหรือการบอกใบ้ของหลวงพ่อกวยและนำไปซื้อหวยถูกได้โชคลาภบ่อยๆทำให้การเป็นอยู่ในครอบครัวคล่องตัวกว่าเดิม ยิ่งทำให้ลุงสอนรู้ถึงความเมตตา ความเอ็นดูที่หลวงพ่อมีให้ครอบครัวของแกแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ในช่วงบ่ายใกล้สิ้นปีของปีหนึ่ง หลังจากลุงสอนมาช่วยงานเล็กๆน้อยๆของหลวงพ่อที่กุฏิท่านเสร็จแล้ว หลวงพ่อเดินออกมาจากห้องของท่านแล้วส่งถุงผ้าดิบพร้อมขวดแก้วสีน้ำตาลใบย่อมๆให้ และบอกให้ลุงสอนนำน้ำมันในขวดทาเคลือบเหรียญที่อยู่ในถุงทั้งหมด โดยท่านบอกว่าเป็นน้ำมันเสือสมิงและให้นำแป้งเจิมลงกวนกับน้ำมันจนข้นเหนียว คล้ายๆผงแป้งมันที่นำมากวนกับน้ำร้อนจนเป็นแป้งเปียกแบบที่ใช้เป็นกาวติดกระดาษตามชนบท แป้งหอมๆสีขาวทั้งขันเงินใบใหญ่นี้ ท่านบอกว่าเป็นแป้งสาวพรหมจรรย์ เป็นมหาเสน่ห์ เมตตา-มหานิยมอย่างดี เมื่อลองนำแป้งผสมน้ำมันเสือจนหนืดเหลวมาทาลงไปบนเหรียญได้ 2-3 ชิ้น ก็มองเห็นแต่แป้งขาวข้นมันๆลื่นๆทาทับหน้าตาหลวงพ่อจนไม่เห็นรายละเอียดอะไร ลุงสอนยังถามท่านว่าเมื่อทาทับไปแบบนี้แล้ว เหรียญก็หมดสวยไม่เห็นหน้าเห็นตาเลยสักนิด หลวงพ่อตอบกลับมาว่า “ วันนี้ยังไม่เห็นอะไรนั่นก็ดีแล้ว แต่ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วคนก็จะเห็นกันเองว่าเป็นของมีค่า เหรียญดำๆนี้แหละจะเป็นเงาะถอดรูปและเป็นของดีให้คนรุ่นหลังมีใช้กัน ” ซึ่งลุงสอนก็ทาแป้งเหลวข้นเคลือบทับเหรียญตะกั่วจนครบทั้งหมด พร้อมวางเรียงลงในถาดสังกะสีเคลือบจนเต็มถาด ซึ่งหลวงพ่อได้นำเข้าไปเก็บในห้องของท่านและไม่ได้นำออกมาให้เห็นอีกเลย
ในช่วงสงกรานต์ในปีถัดมา หลังจากเสร็จการทำบุญสวดมนต์ของวัดบ้านแคแล้ว ก็มีการรดน้ำขอพรจากหลวงพ่อตามประเพณีโบราณของไทย ที่ทุกวัดจะให้มีการรดน้ำขอพรจากพระและผู้ใหญ่ของหมู่บ้าน ชาวบ้านที่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะได้รับของที่ระลึกจากหลวงพ่อต่างๆกันไป ลุงสอนเองได้รับเหรียญนี้และพระผงอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งชาวบ้านบางขุดอีกมากกว่า 60 รายที่ไปรดน้ำหลวงพ่อพร้อมกันในวันนั้นที่ได้รับเหรียญและวัตถุมงคลจากหลวงพ่อ ซึ่งในช่วงเวลานั้น หากเป็นชาวบ้านในละแวกบ้านบางขุดแล้ว คงแทบไม่มีใครเลยที่จะมีเงินเช่าเหรียญฝาบาตรที่วางให้บูชาในตู้ของวัด เพราะเงิน 100 บาทเมื่อ 50 กว่าปีก่อนมีค่ามาก ชาวบ้านยังหาเช้ากินค่ำทำไร่ทำนากันแทบทั้งสิ้น จะมีก็แต่คนกรุงเทพฯหรือคนต่างถิ่นเท่านั้นที่แวะไปขอเช่าบูชาจากวัด การที่หลวงพ่อกวยนำเหรียญนี้มาแจกให้ชาวบ้านเป็นของตอบแทนในการรดน้ำขอพรนั้น ถือว่าท่านมีเมตตาจิตเป็นอย่างสูง ที่เห็นในน้ำใจของชาวบ้านที่เคยร่วมช่วยเหลือเกื้อกูลวัดมาโดยตลอดและเป็นเสมือนลูกหลานของท่านเอง จึงมีเมตตาทำของดีๆแบบที่คนเมืองกรุงและคนต่างถิ่นมาเช่าหากันมากให้ได้มีตกอยู่กับคนใกล้วัดกันบ้าง แต่หลายคนไม่กล้าจะล้างแป้งออกจากเหรียญเพราะเห็นว่าเป็นแป้งเจิมของหลวงพ่อ ส่วนใหญ่จะวางเก็บในพานบนหิ้งบูชา เชื่อกันว่ากันไฟไหม้และกันฟ้าผ่าได้อย่างดี มีบางคนเท่านั้นที่นำมาถักเชือกแขวนใช้บูชา แต่เหรียญเนื้อตะกั่วมีความอ่อนนิ่มและบุบสบายง่ายกว่าโลหะอื่นๆ เมื่อแขวนใช้ได้ไม่นานเหรียญก็สึกแหว่งหรือบิดงอเสียสภาพ ทำให้หลายคนจึงเก็บไว้เหมือนเดิมจนหลงลืมกันไปหลายบ้านว่า เคยได้รับของดีสุดยอดจากมือของพระเกจิผู้เข้มขลังและทรงกฤติยาคมแห่งลุ่มเจ้าพระยา
เหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์ของหลวงพ่อกวย มีลักษณะการถ่ายทอดสัญลักษณ์สำคัญในแม่พิมพ์ที่ใช้ปั๊มเหรียญอัลปาก้าไว้ครบถ้วน รวมทั้งยังคงมีจุดตำหนิสำคัญๆของแม่พิมพ์ เหมือนที่ปรากฏในเหรียญรุ่นแรกเนื้อฝาบาตรที่ปั๊มสร้างในช่วงแรกๆทุกประการ ดังแสดงให้เห็นว่าเป็นเหรียญสร้างจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกัน ซึ่งเป็นตามข้อมูลที่มีผู้บันทึกไว้และปรากฏให้เห็นตามหลักวิชาการงานสร้างแม่พิมพ์โลหะและงานเครื่องกล เป็นหลักฐานแบบวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏบนพยานวัตถุแล้ว หลังจากปั๊มเหรียญบนโลหะที่มีความแข็งคือเนื้ออัลปาก้าได้เพียงเล็กน้อย แม่พิมพ์เริ่มมีร่องรอยชำรุดเสียหายหลายจุดโดยเฉพาะขอบเหรียญ จึงต้องหยุดการปั๊มเนื้ออัลปาก้าและมีการนำแม่พิมพ์มาแก้ไขปรับปรุง ก่อนจะปั๊มเป็นเหรียญเนื้อฝาบาตรจนครบตามที่ทางวัดสั่งทำ ในขั้นตอนการแก้ไขต่างๆย่อมมีการปั๊มลงบนเนื้อโลหะอ่อนเช่นตะกั่ว เพื่อตรวจดูงานที่แก้ไขในแต่ละขั้นตอนว่าสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ช่างจะทดสอบทั้งแม่พิมพ์ด้านหน้า-หลังและตัวตัดขอบเหรียญหลายๆครั้งจนได้ตามที่ต้องการ ก่อนจะชุบแข็งแม่พิมพ์และนำไปสร้างเหรียญจริงต่อไป ลักษณะดังกล่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริงในกระบวนการปั๊มเหรียญโลหะทุกอย่าง
ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งคือ การที่หลวงพ่อได้มอบให้ลูกศิษย์นำแป้งเจิมมาผสมน้ำมันเสือและกวนให้เข้ากันจนเหนียวข้น เพื่อทาทับลงบนเหรียญทั้งด้านหน้าและหลังนั้น เป็นความฉลาดและมองการณ์ไกลอีกอย่างหนึ่งของท่าน เพราะหากปล่อยให้เหรียญตะกั่วเก็บซ้อนทับกันอยู่ในที่อับร้อนเป็นระยะเวลากว่า 50 ปี เหรียญก็จะเสียดสีกันจนมีรอยขีดข่วนและสึกหรอ จะมีสนิมแดงและเม็ดผดต่างๆผุดขึ้นในเนื้อตะกั่ว จะทำให้เหรียญที่ท่านตั้งใจทำไว้ให้ขาดความสวยงามและมีตำหนิไม่น่าใช้ แต่เมื่อมีน้ำมันทาเคลือบไว้ก็จะทำให้รักษาผิวไม่ให้เกิดสนิมได้ง่าย หากทาน้ำมันเพียงอย่างเดียวก็คงไม่นานนักที่จะระเหยแห้งเหือดไปเอง จึงใช้แป้งกวนผสมให้เหนียวข้นหนืดพอกคลุมไว้คล้ายการพอกหุ้มเหล็กด้วยปูนซีเมนต์ เพื่อที่แป้งจะอมความหนืดของน้ำมันและจับปกคลุมผิวหน้าและหลังของเหรียญไว้แนบแน่น เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในวันหนึ่งข้างหน้า ซึ่งเหรียญที่มีคราบขาวๆปกคลุมหนาๆเหล่านี้ สามารถนำไปล้างออกได้โดยไม่ยากนัก และไม่ทำให้ผิวเหรียญเสียหายแต่อย่างใด ดังที่เห็นแล้วจากการล้างด้วยน้ำร้อนและน้ำยาล้างคราบสกปรก เหรียญที่พบเจอในสภาพเดิมๆนั้น หากไม่ล้างคราบออกบ้างเลยก็จะไม่เห็นรอยจารของท่าน
จากการเสาะหาตามบ้านคนรุ่นเก่าละแวกพื้นที่สรรคบุรี และบ้านคนที่เคยอยู่ทันยุคหลวงพ่อกวย ได้พบเจอเหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์บ้างแต่ก็ไม่มากนัก เพราะเมื่อช่วงปี38-39 ได้มีใบสั่งจากคนมีฐานะให้ไล่เก็บเหรียญตะกั่วลองพิมพ์แบบนี้จากบ้านในละแวกแถบวัดบ้านแคจนแทบไม่เหลือ เพราะบุคคลนั้นได้เจอประสบการณ์หวาดเสียวและร้ายแรงด้วยตนเองชนิดที่ไม่น่าจะรอดชีวิตมาได้เลย ประกอบกับเป็นผู้มีกำลังทรัพย์จึงเกิดความประทับใจจนต้องหามาเก็บไว้จำนวนมาก ถ้าจะพูดถึงจำนวนการสร้างก็คงไม่มีใครบอกได้ถูกต้องแน่นอน แต่หากวิเคราะห์จากคำบอกของหลวงพ่อกวย ที่บอกไว้กับเสี่ยตี๋ว่า “นอกจากเนื้อฝาบาตรแล้ว ยังมีทำเนื้อลองพิมพ์ไว้ด้วย” คำว่า “ทำไว้” ต้องมีนัยยะของจำนวนที่ไม่ใช่ 10 – 20 เหรียญ แต่ต้องมีจำนวนพอสมควรที่เรียกได้ว่า “ทำไว้ด้วย” ไม่ใช่เป็นของแถมหรือทดลองเพียงชิ้นสองชิ้น แม้แต่เหรียญที่ท่านตั้งใจสร้างเป็นเนื้อหลัก เช่นเนื้ออัลปาก้า แต่เมื่อทำได้น้อยเพียง 10 – 20 เหรียญ ท่านก็ยังไม่บอกให้เสี่ยตี๋รับรู้ไว้ อาจเพราะจำนวนที่น้อยก็เป็นได้ เมื่อเปรียบเทียบกับเหรียญเนื้อลองพิมพ์ของเหรียญรุ่นแรกครูบาศรีวิชัย จ.เชียงใหม่ ที่มีเนื้อตะกั่วกว่า120 เหรียญจากการแก้ไขแม่พิมพ์หลายครั้ง และจากคำบอกเล่าของลุงสอนที่เล่าว่าเรียงเหรียญที่ทาน้ำมันเสือได้เต็มถาดสังกะสีเคลือบ ก็ทำให้พอจะเห็นจำนวนคร่าวๆของเหรียญลองพิมพ์ ลพ.กวยได้บ้าง ในเบื้องต้นคาดว่าจำนวนที่ท่านให้ทำคงมีประมาณ 100-150 เหรียญ ด้วยจำนวนและราคาที่ยังไม่แพงนักเช่นเหรียญเนื้อฝาบาตร วันนี้จึงยังมีโอกาสเจอของดีหายากแบบนี้ ขึ้นอยู่ที่จังหวะ – วาสนาและความถึงพร้อมของแต่ละคน
เหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์ของหลวงพ่อกวย มีลักษณะการถ่ายทอดสัญลักษณ์สำคัญในแม่พิมพ์ที่ใช้ปั๊มเหรียญอัลปาก้าไว้ครบถ้วน รวมทั้งยังคงมีจุดตำหนิสำคัญๆของแม่พิมพ์ เหมือนที่ปรากฏในเหรียญรุ่นแรกเนื้อฝาบาตรที่ปั๊มสร้างในช่วงแรกๆทุกประการ ดังแสดงให้เห็นว่าเป็นเหรียญสร้างจากแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกัน ซึ่งเป็นตามข้อมูลที่มีผู้บันทึกไว้และปรากฏให้เห็นตามหลักวิชาการงานสร้างแม่พิมพ์โลหะและงานเครื่องกล เป็นหลักฐานแบบวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏบนพยานวัตถุแล้ว หลังจากปั๊มเหรียญบนโลหะที่มีความแข็งคือเนื้ออัลปาก้าได้เพียงเล็กน้อย แม่พิมพ์เริ่มมีร่องรอยชำรุดเสียหายหลายจุดโดยเฉพาะขอบเหรียญ จึงต้องหยุดการปั๊มเนื้ออัลปาก้าและมีการนำแม่พิมพ์มาแก้ไขปรับปรุง ก่อนจะปั๊มเป็นเหรียญเนื้อฝาบาตรจนครบตามที่ทางวัดสั่งทำ ในขั้นตอนการแก้ไขต่างๆย่อมมีการปั๊มลงบนเนื้อโลหะอ่อนเช่นตะกั่ว เพื่อตรวจดูงานที่แก้ไขในแต่ละขั้นตอนว่าสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ช่างจะทดสอบทั้งแม่พิมพ์ด้านหน้า-หลังและตัวตัดขอบเหรียญหลายๆครั้งจนได้ตามที่ต้องการ ก่อนจะชุบแข็งแม่พิมพ์และนำไปสร้างเหรียญจริงต่อไป ลักษณะดังกล่าวเป็นไปตามข้อเท็จจริงในกระบวนการปั๊มเหรียญโลหะทุกอย่าง
เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคมปี 2562ที่ผ่านมา ทีมงานผู้จัดทำหนังสือมรดกหลวงพ่อกวย ได้ตระเวนไปตามบ้านลูกศิษย์ยุคเก่าๆเพื่อขอข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรื่องราวของหลวงพ่อกวย โดยมีอาจารย์ทรงเป็นคนนำพาไปดูของเก่าๆของคนยุคก่อนที่เคยได้จากมือหลวงพ่อ ยังได้พบเจอเหรียญตะกั่วลองพิมพ์หลวงพ่อกวยนี้จากบรรดาลูกศิษย์ยุคเก่าของท่านบ้างเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านลุงสรวง หรือบ้านลุงแดง ครั้งแรกที่เห็นนั้นพวกเราทุกคนมองข้ามและไม่คิดว่าจะเป็นของที่ท่านปลุกเสกไว้ จนเมื่อได้เปรียบเทียบและพิจารณาดูโดยละเอียด ระหว่างเหรียญรุ่นแรกเนื้ออัลปาก้า และเหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ที่อาจารย์ทรง รอดเล็กนำออกมาจากตู้เก็บของส่วนตัวในห้องนอน (อ.ทรง เป็นอดีตรองเจ้าอาวาส รองจากหลวงพ่อกวยในช่วงสมัยที่หลวงพ่อกวยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านแคยุคนั้น) พบว่าทั้งสองเหรียญมีสัญลักษณ์ของแม่พิมพ์ชิ้นเดียวกัน มีตำหนิหลักๆจากการถ่ายทอดของแม่พิมพ์เหมือนกันทุกอย่าง จึงทำให้มั่นใจว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นของแท้ของจริง ซึ่งรายละเอียดต่างๆนั้น อาจารย์ทรงไม่อธิบายมากความ ท่านเพียงแต่บอกว่าให้ดูเอาเองและยืนยันว่านี่เป็นของดีที่รับจากหลวงพ่อกวยเอง และก็หัวเราะเบาๆตามสไตล์ของท่านที่ไม่พูดมาก
เมื่อครั้งที่ได้ขอข้อมูลเก่าๆจากเสี่ยตี๋ หรือคุณกมล พลพิทักษ์กุล ที่เป็นศิษย์รักอีกท่านหนึ่งของหลวงพ่อกวย และทุกท่านที่เคยติดตามเรื่องราวหลวงพ่อกวยมาก่อนจะทราบดีว่า เสี่ยตี๋ท่านนี้ได้รับของดีๆสำคัญๆจากมือหลวงพ่อกวยไว้ไม่น้อย ตามปกติเสี่ยตี๋ท่านนี้เป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใครโดยเฉพาะพวกเซียนพระ และไม่ชอบคุยหรือให้ข้อมูลเรื่องหลวงพ่อกับใครง่ายๆ แต่เมื่อเสี่ยตี๋ทราบว่าพวกเรากำลังทำหนังสือ เพื่อบันทึกเรื่องจริงในอดีตสมัยของหลวงพ่อกวย ท่านก็ยินดีที่จะให้ข้อมูล ให้ภาพถ่ายและบันทึกเก่าๆสมัยที่ท่านเคยจดไว้ในช่วงที่หลวงพ่อยังทรงสังขาร เมื่อได้สอบถามเรื่องเหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์ว่าเคยรู้ไหมว่ามีสร้างไว้ เสี่ยตี๋ยืนยันทันทีว่า หลวงพ่อกวยเป็นคนบอกเสี่ยตี๋ด้วยตัวท่านเองว่า “ นอกจากเนื้อฝาบาตรแล้ว ท่านยังทำเหรียญรุ่นแรกเนื้อลองพิมพ์ไว้อีกด้วยและเป็นของดีจริงๆ ” ซึ่งเรื่องนี้มีบันทึกไว้ในไดอารี่ส่วนตัวของท่านตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา หากใครรู้จักเสี่ยตี๋หรือคุณกมล พลพิทักษ์กุลท่านนี้ ก็สามารถสอบถามจากท่านได้เองว่าข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ ลูกศิษย์เก่าที่ทันยุคหลวงพ่อกวยอีกหลายท่านก็รู้เรื่องนี้ แต่หลายคนไม่อยากพูดขัดคอคนรุ่นหลัง ที่ไม่เคยเห็นหลวงพ่อกวยแม้แต่เงา แต่รู้ดีจนสามารถขีดวงจำกัดเรื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อได้ทุกอย่าง เพียงเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ส่วนคนที่ทำดีและนับถือท่านด้วยใจจริงอยู่แล้วก็ขอให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
โดยส่วนตัวแล้ว ผู้บันทึกข้อมูลนี้ได้เคยพบเหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์มาก่อนหน้านานแล้วตั้งแต่กลางปี2562 จากสมบัติสะสมของเถ้าแก่ไห หรือหลงจู๊เชียง เศรษฐีเจ้าของไร่อ้อยและราชาที่ดินในกำแพงเพชรซึ่งบางคนก็รู้จักท่านกันบ้าง ท่านเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดและเป็นโยมอุปัฎฐากของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อายุอานามของเถ้าแก่ไหคงพอๆกับหลวงพ่อกวย เมื่อสิ้นหลวงพ่อเดิมแล้วเถ้าแก่ก็มาช่วยเหลือและไปมาหาสู่วัดบ้านแคตามที่ ลพ.เดิมแนะนำ ท่านจึงมีวัตถุมงคลยุคต้นๆของ ลพ.กวยเก็บไว้ไม่น้อย หลายอย่างเป็นของแปลกตาหายาก เช่นพระเนื้อดินและพระผงที่หายากๆ ตะกรุดที่หายากๆเช่นแก้วชิงดวง หน้าผากเสือ ตะกรุดทองคำแบบต่างๆจำนวนมาก แผ่นกระดูกจาร เขี้ยวเสือขนาดใหญ่ที่มีจารกำกับเต็มทั้งเขี้ยว มีดรูปแบบแปลกตาและอื่นๆอีกมาก โดยทั้งชีวิตของเถ้าแก่ท่านนี้นับถือและบูชาเพียงเฉพาะวัตถุมงคลของสองพระเกจิอาจารย์นี้เท่านั้น เหรียญเนื้อตะกั่วลองพิมพ์ของเถ้าแก่ไหก็มีลักษณะและรายละเอียดเหมือนกับที่พบเจอจากลูกศิษย์เก่าของ ลพ.กวยทุกประการ เพียงแต่ล้างทำความสะอาดมาก่อนหน้านานแล้ว และยังพบเจอจากบ้านอดีตครูใหญ่ท่านหนึ่งที่กำแพงเพชร เป็นครูใหญ่โรงเรียนวัดวังแขม อ.คลองขลุง ซึ่งเป็นบิดาของคุณพืช ภาคิน นักร้องนักแสดงในปัจจุบัน ซึ่งอดีตครูใหญ่ท่านนี้ก็เป็นคนยุคสมัยก่อน ไม่ได้เป็นเซียนพระแต่นับถือ ลพ.กวยมาก มีของดียุคเก่าๆของหลวงพ่อหลายอย่าง บางชิ้นก็ไม่เคยพบที่ใดมาก่อนเพราะพ่อของครูใหญ่ท่านนี้เป็นผู้ตรวจราชการมณฑลนครสวรรค์ ท่านคือรองอำมาตย์เอก หลวงพิทักษ์ธนะพาล (เสียชีวิตในปี 2506) ซึ่งต้องมาตรวจราชการชัยนาท-อุทัยธานีด้วย จึงรู้จักหลวงพ่อกวยและไปมาหาสู่ตลอดตั้งแต่ปี2485 เป็นต้นมา วัตถุมงคลยุคเก่าหลายอย่างล้วนแปลกตาไปจากในหนังสือที่คนรุ่นหลังนำมาบรรจุไว้ แม้แต่เหรียญลองพิมพ์เนื้อตะกั่ว ก็มีแช่ทำน้ำมนต์อยู่ในขันเงินใบใหญ่มาไม่น้อยกว่า 40ปีแล้ว จนเหรียญติดแน่นอยู่ก้นขันแกะออกมาไม่ได้ เมื่อครั้งที่ได้เห็นเหรียญลองพิมพ์ที่มีรอยจารเป็นครั้งแรกจากบ้านอดีตครูใหญ่ท่านนี้ ยังคิดว่าคงมีเพียง2-3 ชิ้นเท่านั้น และไม่ได้ฉุกใจคิดอะไรมากนัก เพียงมองว่าเป็นของทำพิเศษที่แปลกตาเท่านั้น
มีหัวหน้าองค์กรด้านการเงินระดับสูงท่านหนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อท่านจะต้องมีคนในพื้นที่รู้จักหลายคน มีพ่อแม่เป็นคนในจังหวัดชัยนาทที่เคยได้รับเหรียญรุ่นแรกเนื้อตะกั่วลองพิมพ์จากหลวงพ่อกวยในคราวรดน้ำขอพรครั้งก่อนนั้น ผู้บริหารท่านนี้ได้นำเหรียญลองพิมพ์ของบรรพบุรุษมาเลี่ยมทองและแขวนเดี่ยวๆใช้ติดตัวตลอดมา หน้าที่การงานก็เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด จนได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของสาขาที่บริหารจัดการ วันหนึ่งท่านได้ประสบอุบัติเหตุ จากรถยนต์เก๋งที่ขับมาเร็วเสียหลักชนต้นไม้จนพลิกคว่ำหลายตลบและตกข้างทางจนรถพังยับเยิน สภาพเสียหายแบบไม่มีโอกาสที่จะซ่อมมาใช้งานได้อีก แต่นักธุรกิจท่านนี้ไม่มีบาดแผล รอยฟกช้ำแตกหักหรือเลือดตกยางออกแม้แต่น้อย หลังจากวันนั้นท่านจึงออกเสาะหาและบอกให้คนในพื้นที่ช่วยตามเก็บเหรียญรุ่นนี้จากชาวบ้านบางขุด จนได้ไปมากกว่า 50 เหรียญ ทุกวันนี้นักธุรกิจท่านนี้แม้อายุ 80 กว่าแล้วแต่ก็ยังแขวนติดตัวด้วยเหรียญลองพิมพ์ชิ้นเดิมเท่านั้น ด้วยเขามีประสบการณ์ที่ดีตลอดมาและไม่ยอมเปลี่ยนใจไปใช้อย่างอื่นแม้จะมีของดีๆอีกหลายอย่างเก็บไว้
พยานบุคคลที่เชื่อถือได้และไม่มีผลประโยชน์กับใครทั้งสิ้น ก็มีทั้ง อ.ทรง รอดเล็ก และเสี่ยตี๋ (คุณกมล พลพิทักษ์กุล) ซึ่งคงพอทำให้คนที่มีสติปัญญา มีมุมมองและหลักการพิจารณา ได้เก็บไปคิดวิเคราะห์ด้วยหลักฐาน ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่ต้องการบูชาเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อกวยที่ทรงมหิทธานุภาพ และมีประสบการณ์สูงมากได้นำไปพิจารณาเปรียบเทียบและตัดสินใจ ถ้าจะหาบูชามาใช้สักชิ้นเพราะเชื่อว่าเป็นของมีพุทธคุณสูง มีอิทธิคุณคุ้มตัวได้ก็ลองนำไปคิดกันดู ของดีจริงต้องมีดีในตัวเอง ไม่ใช่ดีเพราะเขาว่าดี ของจะแท้ต้องมีหลักฐานให้เห็นได้บ้าง ไม่ใช่เพราะมีเซียนพระรับรอง ถือว่า 40 ปีที่ผ่านมานั้น หลวงพ่อกวยได้ฝากมรดกไว้ในแผ่นดินอีกอย่างหนึ่ง และบัดนี้ถึงเวลาอันสมควรจะเปิดเผยแล้ว ทั้งหมดทั้งปวงอยู่ที่การตัดสินใจของผู้ที่มีวิจารณญาณด้วยตัวเอง ด้วยหลักวิทยาศาสตร์และหลักวิชาการที่ถูกต้องตามสิ่งที่เป็นจริง บุญวาสนา ความพร้อมและจังหวะชีวิตของแต่ละคนก็ต่างกัน โอกาสของคนจึงไม่เท่ากัน หากใครยึดแต่คำบอกเล่าของเซียนพระเท่านั้น ก็จะไม่มีมุมมองเป็นของตัวเอง ขาดการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล จนขาดโอกาสที่ควรจะได้ครอบครองไปเอง
เหรียญรุ่นแรก ลพ.กวย เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ยังพิจารณาได้ง่าย ยังแยกได้ว่าทำขึ้นในยุคก่อนหรือมาทำกันภายหลังในยุคนี้ เป็นเหรียญปั๊มจากแม่พิมพ์ มีรายละเอียดไม่เหมือนของที่เจตนาทำปลอมเพราะมีร่องรอยการแก้ไขแม่พิมพ์ในแต่ละเหรียญ ยังเห็นจุดที่เป็นการแก้ไขแม่พิมพ์ในแต่ละขั้นตอน ยังมีความเก่าตามธรรมชาติชัดเจน ยังมีศิษย์ที่เคยรับใช้ใกล้ชิดยืนยันได้ว่าท่านทำไว้จริง มีรายละเอียดที่ปรากฏบนเหรียญแท้ให้พิจารณาเทียบเคียงได้ และที่สำคัญองค์ประกอบรวมก็ถูกต้องตามหลักการสร้างเหรียญปั๊มที่ต้องมีเหรียญลองพิมพ์ ยังมีสัญลักษณ์จากแม่พิมพ์ที่ใช้ปั๊มเหรียญครั้งแรกสุดปรากฏให้เห็นว่า เป็นการสร้างในยุคเดียวกันกับเหรียญเนื้ออัลปาก้าจริง ถ้าแม้นหากจะมีคนนำแม่พิมพ์เก่ามาปั๊มเสริมขึ้นใหม่หลังจากสิ้นหลวงพ่อไปแล้ว ลักษณะเฉพาะตัวหลายตำแหน่ง ที่เคยมีอยู่ในแม่พิมพ์ก่อนจะมีการปรับปรุงแก้ไขช่วงท้ายๆของการสร้าง ก็จะไม่เหลืออยู่ให้เห็นอีกแล้ว ดังนั้นเหรียญที่ปั๊มภายหลังจะหาตำหนิหรือสัญลักษณ์ (marking) เหล่านั้นไม่พบอีกเลย