แม้พระเครื่องไม่ใช่เรื่องหลักที่จำเป็นสำหรับชีวิต ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ต้องนำมาขบคิดเช่นปัญหาของประเทศในเวลานี้ แต่คนที่นับถือศรัทธาหลวงพ่อกวยอย่างบริสุทธิ์ใจ ล้วนตั้งความหวังและอยากให้มีการทำเป็นกรณีศึกษา หรือต้องการเห็นหลักการพิจารณาพระของหลวงพ่ออย่างเป็นระบบและมีหลักการที่ถูกต้อง (ซึ่งคงรวมทั้งของพระเกจิอื่นๆด้วยเช่นกัน) ให้เป็นวิธีพิจารณาที่ถูกต้องและเป็นจริง โดยไม่ใช้พวกมากลากไปหรือเอาสีข้างเข้าถู โดยหลักการต่างๆต้องได้รับการยอมรับโดยมีหลักฐานที่คนมีสติปัญญาดูแล้วเข้าใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่เขาบอกมาอย่างนี้ ไม่ใช่คนเก่าๆพูดมาอย่างนั้น แล้วเซียนพระกำหนดไว้แบบนี้ เราต้องเชื่อทุกอย่างเช่นทุกวันนี้ที่สับสนปนเปกันไปหมด ปัจจุบันความรู้เรียนทันกันได้แล้ว และคนส่วนมากเลือกที่จะยอมรับกันด้วยเหตุผล บนหลักการที่ถูกต้องและเป็นสากล ดังนั้น..เมื่อย้อนมาพิจารณาถึงหลักของความจริง ในพระพิมพ์ปรกโพธิ์เก้าใบของ ลพ.กวย พอจะสรุปได้ดังนี้
1. พยานบุคคลคือ…คนที่ทันอยู่ในยุคสมัยของหลวงพ่อและยังมีชีวิตอยู่ ที่จะสามารถให้ข้อมูลได้ตามสิ่งที่เคยเป็น, เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ใช่การคาดเดาว่าต้องแบบนั้น/แบบนี้ตามจินตนาการหรือการจำกัดข้อมูลให้แคบที่สุดเพื่อตีกรอบเข้าข้างกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
2. พยานเอกสารคือ…บันทึกข้อมูลยุคเก่าจากลูกศิษย์ตัวจริงที่เคยรับใช้ท่านและภาพถ่ายยุคเก่า/ภาพจากยุคสมัยก่อน ที่ยังปรากฏให้พบเจอบ้าง
3. พยานวัตถุคือ…แม่พิมพ์และพระพิมพ์จากคนรุ่นเก่าที่ทันยุคสมัยที่ยังมีให้เห็น และสามารถพิสูจน์เอกลักษณ์เฉพาะได้ว่าตรงกันในรายละเอียดของแม่พิมพ์
4. พยานแวดล้อมคือ…พระเครื่องจากคนที่เคยได้รับจากมือท่านมาก่อน ที่สามารถสอบทานที่มาได้ รวมทั้งถ้อยคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่าในรายละเอียดการสร้าง การผสมเนื้อในแต่ละปี การสร้างที่ท่านทำต่อเนื่องเรื่อยๆมา ไม่ได้เจาะจงว่าปีใดจะต้องสร้างพระพิมพ์ใดเช่นวัดในปัจจุบันนี้
5. พยานทางนิติวิทยาศาสตร์คือ…ความแห้งหดของพระที่เก่าจริงด้วยหลักธรรมชาติที่ถูกต้อง ความคมชัดตามหลักการสร้างจากแม่พิมพ์แท้ๆของตัวเองที่ไม่ใช่ถอดแบบมา รวมทั้งในองค์ที่มีลายมือท่านจารกำกับไว้ ซึ่งเชื่อมโยงได้กับเหตุการณ์ในอดีตได้อย่างดี
เมื่อทั้ง 5 อย่างมีครบถ้วนพร้อมให้นำมาเป็นองค์ประกอบควบรวม และรองรับกันตามหลักการเรียนรู้ด้วยเหตุผลที่สมจริง แต่หลายคนกลับเชื่อเพียง คำพูดจากคนที่ไม่ทันยุคสมัยที่พูดกำหนดไม่กี่คำก็จะยึดถือไปชั่วชีวิต โดยไม่คิดทบทวนและมองข้อมูลอื่นๆเทียบเคียง “ เมื่อมีสตางค์แล้ว ต้องมีสติด้วยจึงจะถือว่าดี ” ปัจจุบันโลกพัฒนาไปไกล จนถึงเวลาที่ต้องใช้หลักฐานซึ่งตรวจสอบและพิสูจน์ได้ชัดเจนและสมเหตุสมผลจริง จึงจะอนุมานตามหลักการเทียบเคียงโดยมีเหตุผลว่า แบบใดควรถูกต้องและยอมรับเป็นสากล เหมือนครั้งหนึ่งในอดีตที่คนเชื่อว่าโลกแบน เมื่อมีคนพูดว่าโลกกลม ก็หาว่าเขาบ้า มีสติวิปลาส จนวันหนึ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าโลกมีสัณฐานกลม จึงยอมรับกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนคนที่เคยพูดว่าโลกแบนก็เงียบไปเฉยๆ เพราะคนแบบนี้คงไม่รู้มากไปกว่าสิ่งที่เห็นเท่านั้น